Have an account?

วันเสาร์ที่ 30 มกราคม พ.ศ. 2553

E-commerce


e-Commerce คือธุรกิจรูปแบบใหม่ในศตวรรษที่ 21

ในอดีต การลงทุนค้าขายอะไรสักอย่าง จะต้องใช้เงินลงทุนสูง เลือกทำเล กู้เงินก้อนโต จ้างพนักงานประจำ และต้องโฆษณาประชาสัมพันธ์ แต่หลังจากที่ Internet เข้ามามีอิทธิพลต่อการใช้ชีวิต ทำให้พฤติกรรมการลงทุนของคนกลุ่มหนึ่งเปลี่ยนไป พวกเขาสามารถขายของ โดยไม่ต้องเช่า หรือสร้างอาคารสำหรับเปิดร้าน ไม่ต้องกู้เงินก้อนโตมาลงทุนจัดการสำนักงาน ไม่ต้องจ้างพนักงานนั่งหน้าร้าน เพราะนี่คือยุคของพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ (Electronic Commerce หรือ e-Commerce) เป็นคลื่นอีกลูกที่ต้องจับตา

เหตุที่พฤติกรรมการทำธุรกิจได้เริ่มมีการเปลี่ยนแปลง เพราะระบบ Internet ได้เข้ามาเป็นทางเลือกหนึ่งที่จะเอื้ออำนวยต่อการลงทุนค้าขาย นักธุรกิจสามารถทำหน้าร้านใน Internet ให้สวยงามอย่างไรก็ได้เพื่อดึงดูดลูกค้า มีภาพสินค้า สี รุ่น ให้ลูกค้าเลือกได้ตลอด 24 ชั่วโมง จากทุกมุมโลก หากมีข้อสงสัยจะสามารถปรึกษาแบบ Online ผ่านเครื่องมือสื่อสารที่มีค่าใช้จ่ายต่ำเช่น ICQ หรือ IRC หรือ E-Mail ติดต่อสื่อสารกัน เมื่อมีคำสั่งซื้อสินค้าจากลูกค้า ก็เพียงแต่นำสินค้านั้นจัดส่งให้ทางไปรษณีย์ ไม่จำเป็นต้องมีโกดังเก็บสินค้าใหญ่โต การรับชำระเงินผ่านบัตรเครดิตจะทำให้ผู้ใช้สะดวกกว่าการจ่ายเงินสดอย่างมาก สิ่งเหล่านี้มิใช่ความฝันอีกต่อไป แต่กำลังดำเนินอยู่ในโลกปัจจุบันนี่เอง

ความแพร่หลายของการนำระบบ Internet เข้ามาใช้ในปัจจุบัน ที่พอมีตัวอย่างให้สังเกตุได้ง่าย เช่น การหนังสือผ่าน Internet การส่งข้อความเข้าโทรศัพท์มือถือ หรือ Pager ซึ่งเป็นที่นิยมกันมากในปัจจุบัน การตรวจผลฉลากกินแบ่งรัฐบาล การนำสินค้าไปประกาศขาย หรือประกาศซื้อ การลงทะเบียนเรียนของสถาบันการศึกษาทาง Internet การสมัครเป็นสมาชิกกับองค์กร หรือสมาคมต่าง ๆ แบบ Online การรับสอน ให้คำปรึกษา หรือจัดอบรม การซื้อขายโปรแกรม รูปภาพ เอกสาร หรือเพลง เป็นต้น

จากข้อมูลในตลาดหุ่น NASDAQ Stock market ที่อาจทำให้ใครต่อใครที่ยังไม่รู้ว่า Internet คืออะไร ถึงกับตะลึงได้ว่า หุ่นของบริษัท Yahoo! ซึ่งเป็นบริษัทที่ให้บริการค้นหาข้อมูลในอินเทอร์เน็ตนั้น มีมูลค่ารวมถึง 8.2 หมื่นล้านเหรียญ ซึ่งมูลค่าของบริษัทเท่ากับระบบเศรษญกิจของประเทศออสเตรเลียทั้งประเทศทีเดียว แม้ปัจจุบันมีเว็บไซต์ใน Internet เพียงไม่กี่รายที่มีกำไรจากผลประกอบการ แต่ส่วนใหญ่ต้องการทำเว็บให้ดีมีผู้เข้ามาเยี่ยมชมมาก และส่งเข้าขายในตลาดหุ้น เพราะทันทีที่เข้าตลาดหุ้น หุ้นของบริษัทจะสูงขึ้นอย่างไม่น่าเชื่อทีเดียว และนักพัฒนาเว็บก็จะนำหุ้นออกจำหน่ายกลายเป็นเศรษฐีใหม่กันทันที นักลงทุนส่วนใหญ่ที่กล้าซื้อหุ้นของเว็บไซต์ มักต้องการซื้ออนาคตของเว็บนั้น เพราะเมื่อใครมีเว็บที่ทุกคนรู้จัก และมีอนาคต ต่อไปจะสามารถนำข้อมูล หรือสินค้าอะไรไปขายผ่านเว็บก็จะได้รับความสนใจ นักท่องเว็บก็จะเข้าเยี่ยมชม และใช้บริการสินค้าเหล่านั้น ดังที่ทุกคนต่างรู้กันดีว่า เว็บที่ให้บริการสืบค้นจะไม่มีใครล้มราชาอย่าง Yahoo ได้ และปัจจบัน Yahoo ก็เริ่มเข้ามาทำ Ecommerce ขายสินค้า แทนการให้บริการสืบค้นเพียงอย่างเดียว นั่นจึงเป็นเหตุผลที่นักลงทุนกล้าที่จะซื้อหุ้นของเว็บไซต์ใน Internet ซึ่งมีราคาสูงอย่างไม่น่าเชื่อ ด้วยหวังทีว่าเขาจะได้ผลตอบแทนจากการลงทุนกลับคืนมาเป็นก้อนมหาศาลในอนาคต

เว็บที่มีราคาหุ้นในตลาดหุ้นที่สูงยังมีอีกมากเช่น www.amazon.com ซึ่งให้บริการขายหนังสือแบบ Online หรือ www.ebay.com ซึ่งให้บริการประมูลสินค้า ซึ่งทั้ง 2 เว็บนี้ต่างเป็นบริษัทที่ให้บริการในลักษณะ e-Commerce ที่ประสบความสำเร็จในการขายหุ้น แต่ในด้านการทำกำไรแล้ว ทั้ง 2 เว็บยังคงมีผลประกอบการขาดทุน หรือเว็บที่มีลักษณะใกล้เคียงกันแต่เป็นของคนไทย ก็เช่น www.thaiamazon.com , www.thaicybermall.com หรือ www.pramool.com เป็นต้น ซึ่งเป็นเว็บสัญชาติไทยที่ผู้คนรู้จักกันดี แต่สำหรับประเทศไทยการที่จะนำเว็บเข้าตลาดหุ้นนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย แม้แต่เว็บอันดับหนึ่งของไทย เช่น www.hunsa.com หรือ www.sanook.com ก็ยังไม่ได้เข้าไปในตลาดหุ้น เพราะเว็บที่จะเข้าตลาดหุ้นได้นั้นจะต้องผ่านข้อกำหนด และเงื่อนไขหลาย ๆ อย่าง เช่นต้องมีทุนจดทะเบียนหลายสิบล้านเป็นต้น
รัฐบาลไทยได้เข้ามามีบทบาทให้การสนับสนุน e-Commerce อย่างเต็มที่ โดยมีหน่วยงานที่ชื่อ ศูนย์พัฒนาพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ (Electronic Commerce Resource Center) ซึ่งเปิดเว็บไซต์ให้ข้อมูลข่าวสารที่
www.e-Commerce.or.th เช่นข่าวการประชุมสัมมนาที่เกี่ยวข้อง หรือร่างพระราชบัญญัติใหม่ ๆ ในด้าน Electronic เป็นต้น รวมทั้งการแจกเอกสารการสัมมนาที่มีประโยชน์ในรูปแบบ PDF ให้ชายไทยที่สนใจได้ Download ไปศึกษา

ประโยชน์ของ e-Commerce
1. ไม่ต้องมีพนักงานนั่งประจำ เพราะสามารถให้บริการแบบอัตโนมัติได้
2. สามารถเปิดขายได้ตลอด 7 วัน ๆ ละ 24 ชั่วโมง ไม่มีวันหยุด
3. สามารถเก็บเงิน และโอนเงินเข้าบัญชีบริษัทอัตโนมัติ
4. ตอบสนองนักลงทุนได้ทุกระดับ ตั้งแต่มืออาชีพทุนหนา ไปถึงมือใหม่ทุนน้อย
5. ประหยัดค่าพิมพ์เอกสารแนะนำสินค้า เพราะรายละเอียดทั้งหมด เสนอผ่านเว็บ

ปัญหาการขนส่ง ซึ่งขึ้นกับประเภทธุรกิจ
1. ค่าขนส่งอันเนื่องจาก น้ำหนัก และขนาด โดยปกติการซื้อสินค้าใน Internet จะมีบริการขนส่งให้ถึงบ้าน ตัวสินค้าอาจมีราคาถูกจริง แต่ค่าขนส่งจะสูง ทำให้บางครั้งจะต้องขายสินค้าเป็นชุด หรือเป็นแพ็ค เพราะไม่คุ้มที่จะขนส่งสินค้าเพียงชิ้นเดียว และลูกค้าโดยทั่วไป มักไม่ยินดีชำระค่าขนส่งที่สูงกว่าราคาสินค้า เช่นเทปเพลงตลับละ 90 บาท แต่มีค่าขนส่ง 100 บาท ทำให้ราคารวมสูงถึง 190 บาท เป็นต้น
2. ปัญหาการส่งของสด เช่นร้านดอกไม้ ที่รับส่งดอกไม้ อาจต้องจำกัดให้บริการเฉพาะในพื้นที่เช่นในกรุงเทพฯ ดังนั้นลูกค้าในต่างจังหวัดจึงไม่สามารถใช้บริการ
3. การรับประกัน และนโยบายการคืนของ หรือรับประกันความพึงพอใจ ในสินค้าบางอย่างที่แตกหักเสียหาย หรือเสื่อมสภาพได้โดยง่ายเช่น อุปกรณ์อิเล็คทรอนิกส์ Diskette หรือ CD หากการขนส่งไม่ดี ปล่อยให้ตากแดด หรือมีความชื้นสูง อาจเป็นปัญหากับสินค้าได้ และภาระความรับผิดชอบจะต้องตกเป็นของผู้ขาย หรือผู้ซื้อ
4. ถ้าเกิดปัญกาการขนส่ง ซึ่งมีที่อยู่ของผู้รับผิด หรือผู้ที่รับไม่ใช่ผู้สั่งซื้อ เป็นต้น อาจเป็นปัญหาที่ต้องพิจารณา วางมาตรการแก้ไข และป้องกันไว้อย่างดี ก่อนเริ่มกิจการ
5. สินค้าราคาสูง เช่น คอมพิวเตอร์ เพชร พลอย ทอง ภาพเขียนโบราณ หรือเครื่องแก้ว ซึ่งมีปัญหาทั้งความปลอดภัย และการประกันสินค้า โดยปรกติบริษัทขนส่งมักให้ความคุ้มครองสินค้าไม่สูงนัก การส่งสินค้าประเภทนี่จึงมีความเสี่ยงสูง

พื้นฐานสำคัญของ e-Commerce ประกอบด้วยฮาร์ดแวร์ และซอฟต์แวร์ที่ต้องทำงานประสานกัน ถ้าจะทำเว็บ e-Commerce จะต้องเลือกอุปกรณ์ต่าง ๆ เช่นตัวเครื่อง Server และระบบ Network ซึ่งต้องทำงานประสานกันอย่างสอดคล้อง เพราะต้องเปิด 24 ชั่วโมง ตลอด 7 วัน ส่วนซอฟต์แวร์จะเป็นเครื่องมือที่สำคัญในการจัดการระบบฐานข้อมูล และมีประสิทธิภาพในการนำเสนอ เพื่อสร้างความประทับใจ และดึงดูดลูกค้า ซึ่งจำเป็นที่ผู้ต้องการทำ e-Commerce ด้วยตนเองต้องตระหนัก แต่การทำ e-Commerce มีหลายรูปแบบ ถ้าท่านมีทุนน้อยอาจไม่ต้องสนใจเรื่องของฮาร์ดแวร์ ซอฟต์แวร์ หรือการขอ Domain name จาก networksolutions.com หรือ thnic.net เพียงไปขอใช้บริการจากเว็บที่ให้บริการทำ e-Commerce ครบวงจร พวกเขาจะทำหน้าที่ประชาสัมพันธ์ รับจัดการเรื่องการเงิน รับดูแลฐานข้อมูลสินค้า รับออกแบบเว็บ รับให้คำปรึกษา หรือรับส่งสินค้า เป็นต้น เพียงแต่ท่านต้องชำระค่าบริการเป็นรายเดือนเท่านั้น

หากท่านคิดจะทำ e-Commerce โดยติดตั้ง Hardware และ Software เอง และสามารถรับชำระเงินจากบัตรเครดิต เรื่องหนึ่งที่ต้องพิจารณาอย่างระมัดระวังคือความปลอดภัย ถึงแม้ในปัจจุบันจะมีการใช้ระบบ SSL(Secure Socket Layer) ซึ่งใช้ในการเข้ารหัสข้อมูลสำหรับการสื่อสารของไคลแอนต์กับเซิร์ฟเวอร์ หรือระบบ SET(Secure Electronic Transactions) จะคล้าย SSL แต่จะมีหน่วยงานกลางที่ยืนยันการทำธุรกรรม(Certification Authority:CA) และยืนยันความมีตัวตนโดยนำ Private key และ Public key มาใช้ ซึ่งผู้ขายสินค้าจะไม่ได้รับข้อมูลของรหัสบัตรเครดิต แต่จะได้รับเฉพาะข้อมูลการสั่งซื้อ รหัสบัตรเครดิตนั้นทางหน่วยงานกลางจะส่งไปให้ธนาคารเพื่อเรียกเก็บเงินต่อไป

นอกจากนี้ความปลอดภัยยังต้องรวมไปถึงการออกแบบฐานข้อมูล ที่จะต้องมีการป้องกันการเข้าถึงข้อมูลความลับเป็นอย่างดี อาจหาระบบ Firewall มาป้องกันการเข้าถึงจากผู้ไม่มีสิทธิ์ และกำหนดสิทธิ์อันควรให้กับผู้ที่เข้าถึงข้อมูลได้ ในปัจจุบันการรับชำระเงินด้วยบัตรเครดิตผ่านเครื่อง EDC (Electronic Data Capture) ตามห้างสรรพสินค้า หรือร้านอาหารอยู่แล้ว และต่อมาได้มีการพัฒนาให้สามารถรับชำระเงินผ่านเครื่องคอมพิวเตอร์ในระบบเครือข่าย Internet ได้แล้ว โดยเว็บที่มีการนำระบบนี้มาใช้เป็นรายแรกคือ thaicybermall.com ซึ่งได้ทำการพัฒนาร่วมกับธนาคารกรุงไทย และเปิดให้บริการในปัจจุบัน ระบบนี้จะสามารถตรวจบัตรเครดิตแบบ Online ได้เหมือนกับการใช้จ่ายตามห้างสรรพสินค้าทันที เพราะการจ่ายชำระเงินด้วยบัตรเครดิตนั้น ลูกค้าเพียงแต่กรอกเลขบัตรเครดิต และเดือนปีที่บัตรหมดอายุ ผู้ขายก็สามารถติดต่อให้ธนาคารโอนเงินให้แบบอัตโนมัติผ่านเครื่อง EDC ที่เตรียมไว้นั่นเอง

ปัจจุบันการชำระเงินในระบบเครือข่าย Online สามารถกระทำได้หลายวิธีเช่น ใช้บัตรเครดิต(Credit card) ส่งเช็คอิเล็กทรอนิกส์(E-Cheque) เงินสดดิจิตอล(Digital cash) ระบบไมโครแคช(Micro cash) หรือ EDI (Electronic Data Interchange)สำหรับการซื้อขายระหว่างกัน โดยใช้เอกสารแบบฟอร์มอิเล็กทรอนิคส์ที่เป็นมาตราฐาน และต่อมาได้มีการออกแบบระบบ EFT (Electronic Funds Transfer) เพื่อให้สามารถส่งผ่านรายการโอนเงินในเครือข่ายคอมพิวเตอร์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้อำนวยต่อการพัฒนาระบบ e-Commerce ในปัจจุบันเป็นอย่างมาก

e-Commerce เป็นเรื่องที่ละเอียดอ่าน การตัดสินใจลงทุนในธุรกิจประเภทนี้ จะต้องวางแผนให้รัดกุม ถึงแม้จะใช้เงินลงทุนในระยะแรกไม่สูง และไม่ต้องมีความรู้เรื่องคอมพิวเตอร์มากนัก ก็สามารถทำธุรกิจประเภทนี้ได้ แต่ปัจจุบันมีคู่แข่งเข้ามาในธุรกิจมาก เพราะนักลงทุนสามารถเปิดธุรกิจได้ง่าย และกำลังอยู่ในความสนใจของคนรุ่นใหม่ แต่ถ้าคิดจะลงทุนค้าขายสินค้าให้คนไทย อาจจะต้องพบปัญหาที่คนไทยยังมีอัตราการใช้จ่ายเงินผ่านบัตรเครดิต ในระบบ Internet น้อย ทำให้มี Supply มากกว่า Demand นั่นจึงเป็นปัญหาที่ต้องพิจารณา และหาทางแก้ไข อย่างเป็นขั้นตอนต่อไป จึงจะทำให้ระบบ e-Commerce ในประเทศเราก้าวไปได้อย่างมั่นคง

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

นาฬิกา

ประเทศต่างๆ

free counters

calendar

ที่อยู่ที่สามารถติดต่อได้

วิทยาลัยการเมืองการปกครอง
มหาวิทยาลัยมหาสสารคาม

ดูแผนที่ขนาดใหญ่ขึ้น